นกพิราบเป็นนกที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย
หลายครั้งเจ้าของใจดีมักช่วยเหลือนกป่วยหรือนกที่บาดเจ็บมาดูแล แต่มีคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัย โดยเฉพาะเรื่อง “โรคที่อาจติดต่อจากนกพิราบสู่คน”
โรคที่อาจติดต่อจากนกพิราบ
1. โรคหวัดนกแก้ว (Psittacosis)
- เกิดจากแบคทีเรีย Chlamydia psittaci
- ติดต่อผ่านการหายใจ หรือสัมผัสสารคัดหลั่ง
- อาการในคน: ไข้ น้ำมูก ไอ อ่อนเพลีย เยื่อบุตาอักเสบ
2. โรคเชื้อรา Cryptococcus neoformans
- ปนเปื้อนมากับมูลนก และแพร่กระจายในอากาศ
- ทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบหรือปอดอักเสบ โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
3. ไข้หวัดนก (Avian Influenza – H5N1)
- แม้นกพิราบไม่ใช่พาหะหลัก แต่เคยพบเชื้อในซากนกพิราบ
- ติดต่อผ่านมูลหรือสารคัดหลั่ง
4. ปรสิตภายนอกและไรนก
- อาจกัดคน ทำให้คัน หรือเกิดผื่นแพ้
- ฝุ่นจากขนและมูลทำให้ระคายทางเดินหายใจ
กลุ่มเสี่ยงต่อโรคจากนกพิราบ
- ผู้ที่ทำงานใกล้ชิดกับนก
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วย HIV เบาหวาน หรือปลูกถ่ายอวัยวะ
- เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ
วิธีป้องกันโรคจากนกพิราบ
- ล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสนก
- สวมหน้ากากเมื่อทำความสะอาดบริเวณที่มีมูล
- ทำความสะอาดพื้นที่เลี้ยงบ่อย ๆ
- ฉีดน้ำก่อนกวาดมูลเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจาย
- แยกนกป่วยจากตัวอื่น และปรึกษาสัตวแพทย์
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไข้เรื้อรัง ควรรีบพบแพทย์
สรุป
นกพิราบสามารถเป็นพาหะของโรคได้ แต่หากดูแลสุขอนามัยอย่างเหมาะสม โอกาสรับเชื้อนั้นต่ำมาก ผู้ที่มีความเสี่ยงควรใช้ความระมัดระวังในการสัมผัสหรือเลี้ยงดู
“ช่วยเหลือนกอย่างปลอดภัย รักษาสุขอนามัย ป้องกันโรคได้ไม่ยาก”
#โรคจากนกพิราบ #ความปลอดภัยในการเลี้ยงนก #AnimalSpace