ทำไมชินชิลล่าถึงติดเชื้อราได้ง่าย?
ชินชิลล่าเป็นสัตว์ที่มีถิ่นกำเนิดจากภูเขาสูงในทวีปอเมริกาใต้ เช่น อาร์เจนตินา เปรู และชิลี ซึ่งมีสภาพอากาศหนาวและแห้ง เมื่อถูกนำมาเลี้ยงในประเทศไทยที่อากาศร้อนและชื้น สภาพผิวหนังของชินชิลล่าจึงอ่อนแอ และมีโอกาสติดเชื้อราได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อมีปัจจัยเสี่ยงร่วม เช่น
- สภาพแวดล้อมอับชื้น
- ไม่ได้อาบทรายเป็นประจำ
- มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
แล้วชินชิลล่าจะติดพวกไรขี้เรื้อนหรือไรขนได้ไหม?
โอกาสติดไรภายนอกต่ำมาก เพราะขนของชินชิลล่าแน่นมาก (ในหนึ่งรูขุมขนมีขนประมาณ 50-60 เส้น) ซึ่งไม่เอื้อต่อการอยู่อาศัยของไรภายนอก
อาการของโรคเชื้อราในชินชิลล่า
- ขนร่วงเป็นหย่อมๆ (บริเวณจมูก หู ปาก มือ หรือจุดอับชื้น)
- ผิวหนังบริเวณนั้นอาจแดง อักเสบ
- ขนบริเวณรอบๆ อ่อนแอและหลุดง่าย
- อาจพบสะเก็ดสีขาวบริเวณผิวหนัง
การวินิจฉัยโรคเชื้อราในชินชิลล่า
- การส่องไฟ Wood’s Lamp
- เชื้อราบางชนิดจะเรืองแสงสีเขียว
- แต่ไม่สามารถตรวจพบได้ทุกชนิด
- การตรวจขนและผิวหนังใต้กล้องจุลทรรศน์
- ดูลักษณะเส้นขนว่ามีการเปราะ แตก หรือมีสปอร์ของเชื้อราหรือไม่
- การเพาะเชื้อ
- แม่นยำที่สุด แต่ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์
วิธีรักษาโรคเชื้อราในชินชิลล่า
- ใช้วิธีฟอกยาและล้างออก แทนการทายาทิ้งไว้ เพื่อป้องกันการเลียและกลืนยา
- อาจใช้ยากินฆ่าเชื้อราตามความรุนแรงของโรค
- โดยทั่วไปใช้ระยะเวลารักษามากกว่า 1 สัปดาห์ขึ้นไป
วิธีป้องกันการติดเชื้อรา
- อาบทรายเป็นประจำ เพื่อช่วยลดความชื้นในขน
- เลี้ยงในที่อากาศถ่ายเท ไม่อับชื้น
- รักษาความสะอาดของกรงและอุปกรณ์ทุกวัน
- หากพบขนร่วงผิดปกติ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์
สรุป:
เชื้อราในชินชิลล่าเป็นปัญหาที่พบบ่อยในประเทศไทย แต่สามารถป้องกันและรักษาได้หากเจ้าของดูแลเรื่องความสะอาดและสภาพแวดล้อมอย่างเหมาะสม