โรคตับบิดในกระต่าย: อันตรายถึงชีวิตที่เจ้าของต้องรู้ทัน
โรคตับบิด (Liver Lobe Torsion) เป็นภาวะฉุกเฉินที่อันตรายต่อกระต่าย หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะช็อกและเสียชีวิตได้ เจ้าของกระต่ายจึงต้องรู้จักวิธีสังเกตอาการ และรีบพากระต่ายไปรักษาโดยเร็วที่สุด
โรคตับบิดในกระต่ายคืออะไร
โรคตับบิดคือภาวะที่กลีบของตับเกิดการบิดตัว ทำให้เลือดแดงไม่สามารถไปเลี้ยงตับได้ และเลือดดำไม่สามารถไหลออกได้ ส่งผลให้ตับขาดเลือด บวม และเกิดภาวะเลือดออกในช่องท้อง
สาเหตุของโรคตับบิดในกระต่าย
- ระบบย่อยอาหารผิดปกติ เช่น ท้องอืด หรือไม่กินหญ้าเพียงพอ
- กินอาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น อาหารเม็ดมากเกินไป หรือขนมหวาน
- กระเพาะอาหารขยายมากเกินไปจากการกินเร็ว
- ความเครียด
- พบบ่อยในพันธุ์ Holland Lop
วิธีสังเกตอาการโรคตับบิด
- ดวงตา: จากกลมโต → หรี่ลง → หรี่เป็นเส้นขีด
- แก้ม: จากกลม → แหลมขึ้น → หน้าแหลมชัด
- จมูก: จากรูปตัวยู → หุบเข้า → เป็นรูปตัววี
- หนวด: จากตั้งตรง → บางเส้นหย่อน → หนวดหงิก
- หู: จากตั้ง → เอียง → ลู่ไปด้านหลัง
อาการอื่นที่พบร่วม:
- ไม่กินอาหารแม้แต่ของโปรด
- อึน้อยลงหรือไม่ถ่าย
- หมอบนิ่ง ไม่ขยับ
- ไม่ยอมให้จับเพราะปวดท้อง
วิธีวินิจฉัย
- การตรวจร่างกาย: คลำพบก้อนผิดปกติ
- ตรวจเลือด: ค่า AST, ALT สูง เม็ดเลือดต่ำ
- X-ray: เห็นตับขยาย แก๊สในช่องท้อง
- Ultrasound: เห็นการไหลเวียนเลือดในตับผิดปกติ
วิธีรักษา
1. ประคองอาการ
- ให้น้ำเกลือทางเส้นเลือด
- ให้ยาลดปวด
2. ผ่าตัดฉุกเฉิน
- ใช้ยาสลบแบบดม
- ตัดเนื้อตับที่บิดออก
หากรักษาทันเวลา โอกาสรอดจะสูงขึ้นมาก
การดูแลหลังผ่าตัด
- พักที่โรงพยาบาล 3–7 วัน
- ตรวจเลือดติดตามค่าตับ
- ป้อนอาหารเสริม
- ให้ยาลดปวด
- ติดตามอาการขับถ่ายและความอยากอาหาร
วิธีป้องกันโรคตับบิด
- ให้หญ้าแห้งเป็นหลัก
- หลีกเลี่ยงอาหารหวานหรือเม็ดมากเกินไป
- ลดความเครียด
- ให้อาหารพอดี ไม่ให้กินเร็ว
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำ
สรุป
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการจัดอาหารและสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม
โรคตับบิดในกระต่ายเป็นภาวะฉุกเฉินที่อันตรายถึงชีวิต
อาการ: ตาหรี่ หน้าแหลม หูลู่ ไม่กินอาหาร อึน้อย
หากสงสัย ควรรีบพบสัตวแพทย์ทันที