ไรในหูกระต่าย (Ear Mite) คืออะไร? อาการ สาเหตุ และวิธีรักษา
🐰 ไรในหู (Ear Mite) เป็นหนึ่งในโรคที่พบบ่อยในกระต่าย ซึ่งสร้างความรำคาญให้กับกระต่ายอย่างมาก ส่งผลให้กระต่าย เกาหู สบัดหัวบ่อย ไม่กินอาหาร และนอนไม่หลับ หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
ไรในหูกระต่าย คืออะไร?
ไรในหูกระต่าย หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Psoroptes cuniculi เป็นปรสิตที่อาศัยอยู่ในรูหูกระต่าย กัดกินน้ำเหลืองเป็นอาหาร ทำให้กระต่ายรู้สึกคันและเกิดการอักเสบ บางกรณีอาจลุกลามไปที่ใบหน้าและลำตัว ได้
กระต่ายติดไรในหูได้อย่างไร?
ไรในหูสามารถแพร่กระจายได้ 2 วิธีหลักๆ ได้แก่:
1️⃣ การสัมผัสโดยตรง – กระต่ายที่ติดไรสามารถแพร่เชื้อไปยังกระต่ายตัวอื่นได้ง่าย เช่น แม่กระต่ายแพร่เชื้อให้ลูก หรือการเล่นกันระหว่างกระต่ายที่มีอาการกับตัวที่ยังไม่ติดเชื้อ
2️⃣ การติดเชื้อจากสิ่งแวดล้อม – ตัวไรสามารถตกหล่นตามกรง พื้นที่เลี้ยง หรืออุปกรณ์ต่างๆ หากทำความสะอาดไม่ดี กระต่ายตัวใหม่อาจติดเชื้อจากสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อนตัวไร
อาการของกระต่ายที่เป็นไรในหู
อาการของไรในหูกระต่ายสามารถสังเกตได้ง่าย โดยแบ่งเป็นระยะต้นและระยะรุนแรง
✅ อาการเบื้องต้น
- สบัดหัวบ่อย
- เกาหูมากผิดปกติ
- ขนร่วงบริเวณใบหู
- มีคราบแดงๆ หรือสะเก็ดขี้หูในรูหู
⚠ อาการรุนแรง
- กระต่ายหัวเอียง
- เดินเซ สูญเสียการทรงตัว
- มีอาการชัก
หากปล่อยให้อาการรุนแรง ไรในหูอาจลุกลามไปยังหูชั้นใน ส่งผลให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และทำให้การรักษายุ่งยากขึ้น
วิธีรักษาไรในหูกระต่าย
หากพบอาการดังกล่าว ควรรีบพากระต่ายไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย โดยสัตวแพทย์จะทำการ ขูดตรวจคราบขี้หูและสะเก็ดหู เพื่อดูว่ามีตัวไรหรือไม่
การรักษาไรในหูมี 2 วิธีหลัก
1️⃣ การฉีดยา – ฉีดยากำจัดไรทุก 14 วัน ติดต่อกัน 3 ครั้ง
2️⃣ การหยดยา – หยดยาเฉพาะจุดบริเวณหลังคอ ทุก 14 วัน เช่นเดียวกับการฉีดยา
💡 ข้อควรระวัง:
🚫 ห้ามแคะหรือแกะขี้หูของกระต่าย เพราะอาจทำให้กระต่ายเจ็บและหูอักเสบมากขึ้น ควรรอให้คราบสะเก็ดหลุดออกเองภายใน 2 สัปดาห์
วิธีป้องกันไรในหูกระต่าย
✅ หมั่นทำความสะอาดกรง อุปกรณ์ และที่อยู่ของกระต่ายเป็นประจำ
✅ แยกกระต่ายที่เป็นโรคออกจากตัวที่แข็งแรงเพื่อลดการแพร่เชื้อ
✅ หมั่นสังเกตอาการ หากพบว่ากระต่ายเกาหูผิดปกติ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์
สรุป: ไรในหูเป็นโรคที่รักษาได้ หากสังเกตเห็นอาการเร็ว!
หากได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ กระต่ายจะสามารถหายจากโรคนี้ได้โดยไม่มีผลข้างเคียงร้ายแรง แต่หากปล่อยไว้ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้
📢 แชร์บทความนี้เพื่อช่วยให้เจ้าของกระต่ายรู้ทันโรคและป้องกันได้ก่อนที่จะสายเกินไป!