กระต่ายหรือแกสบี้จาม น้ำมูกไหล อันตรายหรือไม่? วิธีแยกอาการและดูแลที่ถูกต้อง
กระต่ายและแกสบี้เป็นสัตว์ที่ซ่อนอาการป่วยได้ดี อาการเล็กๆ เช่น จาม หรือมีน้ำมูก อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคทางเดินหายใจที่อันตราย หากปล่อยไว้อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม หรือการติดเชื้อรุนแรง
1. แยกระหว่าง “ระบายความร้อน” กับ “อาการหวัด”
- หากมีน้ำมูกใสเล็กน้อยหลังออกกำลังกาย หรือในอากาศร้อน ถือเป็นการระบายความร้อนตามปกติ
- หากน้ำมูกไหลตลอดเวลา จามบ่อย หายใจลำบาก หรือซึม อาจเป็นสัญญาณของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ
2. สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการหวัด
- ฝุ่นจากหญ้า อาหารเม็ด หรือมลภาวะในอากาศ
- การติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น Pasteurella multocida หรือ Bordetella bronchiseptica
- เชื้อราในระบบหายใจ
- ท่อน้ำตาอุดตัน ฝีจากฟันยาว หรือเนื้องอกในโพรงจมูก
3. อาการที่ควรสังเกต
- น้ำมูกใส ขาวขุ่น เหลือง หรือเขียว
- จามบ่อย มีเสียงหายใจครืดคราด
- หายใจทางปาก หรือหายใจลำบาก
- ขนเปื้อนน้ำมูกบริเวณขาหน้า
- ซึม ไม่กินอาหาร น้ำหนักลด
4. วิธีวินิจฉัยโดยสัตวแพทย์
- ตรวจโพรงจมูก ฟัน และตา
- X-ray หรือ ultrasound ทรวงอก
- เพาะเชื้อจากน้ำมูกเพื่อเลือกยาปฏิชีวนะให้ตรงกับเชื้อ
5. แนวทางการรักษา
- ลดฝุ่นจากหญ้า อาหาร หรือที่อยู่อาศัย
- ใช้ยาปฏิชีวนะตามชนิดเชื้อ (ห้ามซื้อยาให้เอง)
- พ่นยา หรือใช้ nebulizer กรณีจมูกอุดตันหรือน้ำมูกเหนียว
- กรอฟันหากฟันยาวผิดปกติ
- ผ่าตัดในกรณีมีเนื้องอกหรือฝี
6. การป้องกัน
- ร่อนหญ้าก่อนให้กิน
- ทำความสะอาดกรงสม่ำเสมอ
- ใช้เครื่องฟอกอากาศในพื้นที่ที่มี PM 2.5 สูง
- ตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยงปีละ 1–2 ครั้ง
สรุป
หากสัตว์เลี้ยงมีอาการน้ำมูกไหลบ่อย จาม หรือซึม อย่าชะล่าใจ ควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยทันที โรคระบบทางเดินหายใจอาจลุกลามได้รวดเร็ว และการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะเพิ่มโอกาสหายได้มากขึ้น