ตรวจสุขภาพ
ทำไมกระต่ายและสัตว์ Exotic หรือสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษต้องตรวจสุขภาพเป็นประจำ?
คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมกระต่ายแสนรักของคุณถึงต้องไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำ? หรือหากคุณเลี้ยงสัตว์ Exotic ชนิดอื่น ๆ เช่น หนูแฮมสเตอร์ เม่นแคระ ชูการ์ไกลเดอร์ เต่า เบียร์ดดราก้อน หรืองู คุณก็คงมีคำถามเดียวกัน การตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยงเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยตอบคำถามเหล่านี้ให้กับคุณเจ้าของได้

ทำไมกระต่ายนอนทับฉี่ตัวเอง?
ทำไมแกสบี้หายใจดังเป็นน้ำเดือด ไม่กินอาหาร ซึม?


ทำไมนกชอบยืนที่พื้นกรง?
ทำไมงูที่เลี้ยงไว้ถึงชูคอ?
อยู่ ๆ งูที่เลี้ยงไว้มีแผลตามตัว เกล็ดตั้ง มีจ้ำเลือดทั่วตัว


ทำไมเต่าถ่ายไม่ออก เบ่งจนไส้ปลิ้น?
ทำไมชินชิล่าอึนิ่ม มีอะไรไม่รู้แดง ๆ โผล่ออกมาจากก้น?


ทำไมเม่นแคระไม่กินอาหารแข็ง ทั้งที่เคยชอบกิน?
ทำไมชูการ์ไกลเดอร์ผอมลง ตัวเหลือง อ่อนแรง นอนนิ่ง?

เพื่อตอบคำถามเหล่านี้ และนี่คือเหตุผลที่คุณควรพาสัตว์เลี้ยงของคุณไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลสัตว์แอนิมอลสเปซ ที่เชี่ยวชาญด้านสัตว์ Exotic โดยเฉพาะ
ทำไมต้องตรวจสุขภาพกระต่าย?
ตรวจพบโรคได้เร็ว: กระต่ายมักจะซ่อนอาการป่วยไว้จนกระทั่งโรคเข้าสู่ระยะรุนแรง การตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้สัตวแพทย์ตรวจพบโรคได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มแรก ทำให้การรักษาเป็นไปได้ง่ายขึ้นและมีโอกาสหายขาดสูง
ติดตามการเจริญเติบโต: สัตวแพทย์จะตรวจสอบน้ำหนัก ความยาวตัว และพัฒนาการอื่นๆ ของกระต่าย เพื่อให้แน่ใจว่ากระต่ายได้รับสารอาหารครบถ้วนและเจริญเติบโตตามปกติ
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ: หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรม การกิน หรืออาการผิดปกติของกระต่าย สัตวแพทย์ของเราจะให้คำแนะนำและคำปรึกษาที่สามารถนำไปปรับใช้กับสัตว์เลี้ยงที่บ้านได้
ตรวจสุขภาพกระต่ายที่ไหนดี?
การเลือกโรงพยาบาลสัตว์ที่เชี่ยวชาญด้านสัตว์ Exotic เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยโรงพยาบาลสัตว์แอนิมอลสเปซ เรามีสัตวแพทย์ที่ผ่านการอบรมเฉพาะทางด้านสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ และมีอุปกรณ์ที่ครบครันทันสมัยสำหรับการตรวจรักษาและดูแลสัตว์เลี้ยง Exotic ของคุณโดยเฉพาะ
สัตว์ Exotic ชนิดอื่นๆ ก็ต้องการการดูแลเช่นกัน
ไม่เพียงแต่กระต่ายเท่านั้น สัตว์ Exotic ชนิดอื่นๆ เช่น หนูแฮมสเตอร์ เม่นแคระ ชูการ์ไกลเดอร์ เต่า เบียร์ดดราก้อน หรืองู ก็ต้องการการตรวจสุขภาพเป็นประจำเช่นกัน การตรวจสุขภาพจะช่วยให้สัตวแพทย์ตรวจพบปัญหาสุขภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ และให้คำแนะนำในการดูแลที่ถูกต้องแก่คุณเจ้าของได้
อายุเท่าไหร่ถึงควรพาไปตรวจสุขภาพ และควรไปตรวจทุกกี่เดือน
- สามารถพาสัตว์เลี้ยง Exotic มาตรวจสุขภาพได้เลยทุกช่วงอายุหลังจากได้รับเลี้ยงมาแล้วไม่เกิน 1 สัปดาห์
ควรพาสัตว์เลี้ยง Exotic ไปตรวจสุขภาพเป็นประจำทุก 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดสัตว์ เช่น แฮมสเตอร์ที่อายุไขสั้น ควรนัดตรวจทุก 3 เดือน
ที่แอนิมอลสเปซ เรามีรายการตรวจสุขภาพอะไรบ้างสำหรับสัตว์ Exotic?
ตรวจร่างกายเบื้องต้น (Physical Examination) ตั้งแต่หัวถึงหาง
ช่องท้อง – ดูอาการปวดเกร็งช่องท้อง
ต่อมน้ำเหลือง – ถ้าโตอาจบ่งชี้ถึงการอักเสบหรือติดเชื้อในบริเวณนั้นๆ
ดึงผิวหนัง – เช็คอาการขาดน้ำ
เคาะท้อง – ฟังเสียงแก๊สในกระเพาะอาหาร
สภาพสัตว์ (General appearance) เช่น การมีสติรับรู้ (Consciousness) ลักษณะและรูปแบบการหายใจ (Breathing pattern) และให้คะแนนความเจ็บปวด (Pain Scoring) เพื่อประเมินเบื้องต้นว่าเข้าข่ายภาวะฉุกเฉินหรือไม่
น้ำหนักตัว (Body weight) และคะแนนร่างกาย (Body Condition Scoring) – เพื่อดูว่าสัตว์เลี้ยง อ้วนหรือผอมเกินไปหรือไม่
ตรวจดู ตา หู จมูก ผิวหนังและเส้นขน (Inspect the Overall Body Condition)
ตรวจสีเยื่อเมือก (Mucous membrane)
ฟังเสียงปอด เสียงหัวใจ การเคลื่อนตัวของทางเดินอาหาร (Ausculation)
คลำตรวจตามร่างกาย (Palpation)
ตรวจร่างกายแยกตามระบบที่มีปัญหาอย่างละเอียดโดยใช้เครื่องมือและอุปรณ์เพิ่มเติม
ส่องตรวจในช่องปากและฟัน
ส่องตรวจในช่องหู (Otoscopic examination)
ส่องตรวจตา (Ophthalmoscopic examination)
ตรวจระบบประสาท (Neurologic examination)
ตรวจระบบสืบพันธุ์ (Reproductive examination)
ส่งตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ (บางหัตถการอาจจะต้องมีการวางยาซึมหรือยาสลบ เพื่อให้สัตว์เลี้ยงไม่เครียดและให้ได้ผลการตรวจที่แม่นยำที่สุด)

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ค่าความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Count) เช่น เม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง เกร็ดเลือด
ค่าเคมีในเลือด เช่น ค่าตับ, ค่าไต, โปรตีน, น้ำตาล, ไขมัน, เกลือแร่ ฯลฯ (Blood chemistry)
ตรวจหาพยาธิในเม็ดเลือด (Blood parasite)
ตรวจปัสสาวะ (Urinalysis)
ตรวจอุจาระ (Fecal examination)
ตรวจเซลล์ (Cytology) เช่น ตัวอย่างเซลล์จากผิวหนัง, ก้อนเนื้อ, ระบบสืบพันธุ์

ตรวจวินิจฉัยทางภาพรังสี (Radiology and Diagnostic Imaging)
X-ray – เพื่อดูช่องอก, กระดูกและข้อต่อ, บางส่วนของทางเดินอาหาร
Fluoroscopy – เพื่อดูการบีบตัวของหัวใจและหลอดเลือด, ทางเดินอาหาร
Ultrasound (U/S) – เพื่อดูเนื้อเยื่ออ่อน (Soft tissue) เช่น ตับ, ถุงน้ำดี, ตับอ่อน, ม้าม, ไต, ต่อมหมวกไต, ทางเดินอาหาร, กระเพาะปัสสาวะ, มดลูก, รังไข่, ลูกตา, ก้อนเนื้อต่างๆ, หัวใจ (Echocardiogram)
Computerized Tomography (CT-scan) – สามารถดูได้เกือบทุกระบบ โดยเฉพาะโพรงจมูก-ช่องอก, กระดูกและข้อต่อ (ในส่วนของเนื้อเยื่ออ่อนอาจจะต้องมีการฉีดสารทึบรังสีเพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติม)
Magnetic Resonance Imaging (MRI) – สามารถดูได้เกือบทุกระบบโดยเฉพาะสมอง, ไขสันหลัง, ลูกตา, ช่องหู, โพรงจมูก, ข้อต่อ, เส้นเอ็น, กล้ามเนื้อ, เนื้อเยื่ออ่อนในช่องอกและช่องท้อง, ต่อมน้ำเหลือง, ก้อนฝี, ก้อนมะเร็ง ฯลฯ