Skip to content

ภาวะทวารร่วมปลิ้นในงู (Cloacal Prolapse) และวิธีจัดการเบื้องต้น

Share to Social Media:

🐍 ภาวะทวารร่วมปลิ้นในงู (Cloacal Prolapse) และวิธีจัดการเบื้องต้น

🔬 ภาวะทวารร่วมปลิ้น (Cloacal Prolapse) คืออะไร?

ภาวะนี้หมายถึง การที่อวัยวะภายในบางส่วนของระบบขับถ่าย ระบบสืบพันธุ์ หรือระบบย่อยอาหารทะลักออกมาทางก้นของงูและสัตว์เลื้อยคลานอื่นๆ เช่น เต่าและกิ้งก่า ถือเป็น ภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด

📌 อวัยวะที่อาจทะลักออกมา

1️⃣ ทวารร่วม (Cloaca) – พบได้บ่อยที่สุด มีรูเปิดสองรูบนอวัยวะที่ปลิ้นออกมา
2️⃣ ลำไส้ (Colon) – ลักษณะเป็นท่อยาว อาจมีอุจจาระติดอยู่
3️⃣ กระเพาะปัสสาวะ (Bladder) – ผนังบาง มีเส้นเลือดบนพื้นผิว
4️⃣ ท่อนำไข่ (Oviduct) – พบในตัวเมีย มีลายตามแนวยาว
5️⃣ อวัยวะเพศผู้ (Hemipenes) – พบในตัวผู้ มีลักษณะเฉพาะตัว แยกออกได้ง่าย


🚨 การปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับเจ้าของ

หากพบว่างูหรือสัตว์เลื้อยคลานที่เลี้ยงไว้มีอวัยวะทะลักออกมา ห้ามดึงออกเด็ดขาด! สิ่งที่เจ้าของสามารถทำได้คือ:

ลดภาวะบวมน้ำของอวัยวะ – ใช้สารละลายเกลือแร่หรือน้ำเย็นค่อยๆ ชะล้างบริเวณที่ปลิ้นออกมา หรือแช่ในน้ำเกลือผสมน้ำตาล 5-10 นาที เพื่อช่วยลดอาการบวม
ป้องกันอวัยวะแห้งและติดเชื้อ – ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำห่อหุ้มบริเวณที่ปลิ้นออกมา
แยกสัตว์ออกจากพื้นที่ที่อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บ – ให้อยู่ในที่นิ่มๆ และสะอาด
รีบพาไปพบสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด – ยิ่งได้รับการรักษาเร็ว โอกาสรอดและฟื้นตัวจะยิ่งสูง


🔍 สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะ Cloacal Prolapse

ภาวะนี้มักเกิดจาก ภาวะที่ทำให้สัตว์ต้องเบ่งมากเกินไป ได้แก่:

🔸 ลำไส้อักเสบ (Enteritis) – อาจเกิดจากอาหารที่ไม่เหมาะสม หรือการติดเชื้อ
🔸 ภาวะไข่ค้าง (Dystocia) – ตัวเมียที่มีปัญหาวางไข่ไม่ได้
🔸 นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (Cystic Calculi) – ทำให้ต้องเบ่งปัสสาวะ
🔸 ภาวะท้องผูก (Constipation) – การขาดเส้นใยอาหารหรือน้ำ
🔸 พยาธิหรือลำไส้อุดตัน (GI Obstruction) – จากการกินสิ่งแปลกปลอม
🔸 การบาดเจ็บจากการผสมพันธุ์ (Mating Behavior) – พบในตัวผู้ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว
🔸 ภาวะขาดแคลเซียม (Hypocalcemia) – ทำให้กล้ามเนื้อบีบตัวผิดปกติ


🏥 แนวทางการรักษาโดยสัตวแพทย์

🔬 1. ประเมินสภาพอวัยวะที่ปลิ้นออกมา

✅ ล้างทำความสะอาด ลดบวมโดยแช่ในน้ำเกลือผสมน้ำตาล
✅ ตรวจสอบอวัยวะที่ทะลักออกมาว่าเป็นส่วนใด
✅ หากมีเนื้อตายหรือฉีกขาด อาจต้องทำการตัดแต่งก่อนยัดกลับ

🩺 2. การดันอวัยวะกลับเข้าไป (Manual Reduction)

✅ ใช้วิธีค่อยๆ ดันอวัยวะกลับเข้าไปให้ถูกตำแหน่ง
✅ ในบางกรณีต้องใช้ยาชาหรือวางยาสลบเพื่อลดการดิ้นต้านของสัตว์
✅ ใช้น้ำเกลือฉีดเข้าไปหลังจากดันอวัยวะกลับ เพื่อช่วยให้ทุกส่วนเข้าที่

🧵 3. เย็บปิดปากทวารร่วม (Cloacopexy)

✅ เพื่อลดโอกาสที่อวัยวะจะปลิ้นออกมาอีก
✅ ใช้วิธีเย็บแบบ Simple Interrupted Suture
✅ ในงูและเต่า – เย็บที่ด้านบนและล่างของรูทวาร
✅ ในกิ้งก่า – เย็บด้านซ้ายและขวาของรูทวาร

💊 4. การให้ยาหลังการรักษา

✅ ยาลดปวดและยาลดอักเสบ
✅ ยาปฏิชีวนะป้องกันการติดเชื้อ
✅ ยาควบคุมการขับถ่าย หากภาวะเกิดจากปัญหาทางเดินอาหาร


⚠️ ข้อควรระวัง

ห้ามใช้แรงกดมากเกินไปในการดันอวัยวะกลับ – อาจทำให้ฉีกขาดและมีเลือดออก
ห้ามใช้เครื่องมือแข็งในการช่วยดันอวัยวะกลับ – อวัยวะที่ปลิ้นออกมามีผนังบาง ฉีกขาดง่าย
ไม่ควรดึงหรือพยายามดันอวัยวะกลับเองที่บ้าน – อาจทำให้ติดเชื้อหรือลุกลามมากขึ้น


📌 วิธีป้องกันภาวะ Cloacal Prolapse

ให้อาหารที่เหมาะสม – งูและสัตว์เลื้อยคลานบางชนิดต้องการอาหารที่มีเส้นใยเพื่อป้องกันท้องผูก
ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะสม – ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานปกติ
ตรวจสุขภาพเป็นประจำ – ตรวจหาโรคที่อาจเป็นสาเหตุ เช่น นิ่ว หรือพยาธิ
สังเกตพฤติกรรมของสัตว์ – หากมีอาการเบ่งถ่ายบ่อยหรือผิดปกติ ควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์


🔎 สรุป

ภาวะ Cloacal Prolapse เป็นภาวะฉุกเฉินในสัตว์เลื้อยคลานที่ต้องได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด การจัดการที่ถูกต้อง ต้องเริ่มจากการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพื่อป้องกันอวัยวะเสียหาย แล้วรีบนำสัตว์ไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม

🐍 “หากพบว่างูหรือสัตว์เลื้อยคลานของคุณมีภาวะนี้ อย่าลังเลที่จะพาไปพบสัตวแพทย์ทันที!” 🏥

#สัตว์เลื้อยคลาน #งูป่วย #CloacalProlapse #ReptileCare #รักษางู