วันนี้เราจะพามารู้จักกับเคสของ “คุณยายกระต่ายวัย 9 ปี” ที่ถูกพามาหาหมอเพราะมีอาการท้องอืดเรื้อรัง และมีก้อนแข็งในช่องท้อง ซึ่งภายหลังพบว่าไม่ใช่แค่ฝีธรรมดา แต่เป็นก้อนขนาดใหญ่ที่เกิดจากการติดเชื้อที่รังไข่และภาวะมดลูกอักเสบ
กระต่ายเพศเมียที่ไม่ได้ทำหมัน มีโอกาสเกิดภาวะมดลูกอักเสบและก้อนฝีในช่องท้องสูงมาก ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
อาการของกระต่ายที่อาจมีฝีในช่องท้องหรือเนื้องอก
หากกระต่ายของคุณมีอาการผิดปกติ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที
- ท้องอืดเรื้อรัง หายช้าแม้ได้รับการรักษา
- คลำเจอก้อนเนื้อแข็งในช่องท้อง
- กินอาหารน้อยลง ซึม ไม่ร่าเริง
- น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว
- อุจจาระเล็กลง หรือถ่ายไม่สม่ำเสมอ
- มีอาการปวดเมื่อถูกจับที่ท้อง
- กระต่ายเพศเมียอาจมีเลือดปนในปัสสาวะ (สัญญาณของมดลูกอักเสบ)
ขั้นตอนการวินิจฉัยก้อนเนื้อในช่องท้องกระต่าย
- การคลำตรวจร่างกาย
ตรวจคลำบริเวณช่องท้อง หากพบก้อนแข็งผิดปกติ อาจต้องตรวจเพิ่มเติม - X-ray และ Ultrasound
- X-ray ใช้ดูขนาดและตำแหน่งของก้อน
- Ultrasound ตรวจว่าก้อนนั้นเป็นฝีหรือเนื้องอก พร้อมดูการไหลเวียนของเลือด
- ตรวจเลือด
ตรวจการทำงานของตับ ไต และดูสัญญาณการติดเชื้อ
เคสนี้พบอะไร และรักษาอย่างไร?
- พบก้อนขนาดใหญ่กว่าลูกเทนนิสในช่องท้อง เป็นฝีที่รังไข่จากภาวะมดลูกอักเสบเรื้อรัง
- น้ำหนักของก้อน 0.2 กก. จากน้ำหนักตัว 1.4 กก. หากเทียบกับมนุษย์หนัก 50 กก. จะเท่ากับมีก้อนขนาด 7 กก.
- ทำการผ่าตัดเอาฝีออก และทำหมันเพื่อลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ
- กระต่ายฟื้นตัวได้ดีหลังผ่าตัด
ทำไมการทำหมันจึงเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด?
กระต่ายเพศเมียที่ไม่ได้ทำหมันมีความเสี่ยงสูงมากต่อโรคเหล่านี้:
- มดลูกอักเสบ (Pyometra)
- มะเร็งมดลูก (Uterine cancer)
- ซีสต์รังไข่ (Ovarian cysts)
แนะนำให้ทำหมันตั้งแต่อายุ 4–6 เดือน ช่วยลดความเสี่ยงได้ถึง 90%
สรุป: ฝีในช่องท้องกระต่าย อันตรายกว่าที่คิด
- หากกระต่ายมีอาการท้องอืดเรื้อรัง หรือคลำเจอก้อนในท้อง ควรพบสัตวแพทย์โดยเร็ว
- กระต่ายเพศเมียที่ไม่ได้ทำหมันมีโอกาสสูงที่จะเป็นมะเร็งมดลูกหรือมดลูกอักเสบ
- การทำหมันช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้มาก
- ควรตรวจสุขภาพกระต่ายทุกปี เพื่อวินิจฉัยโรคได้ตั้งแต่เนิ่นๆ