Skip to content

โรคตับบิดในกระต่าย: สาเหตุ อาการ วิธีรักษา และแนวทางป้องกัน 🐰🩺

Share to Social Media:

🐇 โรคตับบิด (Liver Lobe Torsion) เป็นภาวะฉุกเฉินที่อันตรายต่อกระต่าย หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะช็อกและเสียชีวิตได้ เจ้าของกระต่ายจึงต้องรู้จักวิธีสังเกตอาการ และรีบพากระต่ายไปรักษาโดยเร็วที่สุด

📌 วันนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ วิธีรักษา และวิธีป้องกันโรคตับบิด เพื่อช่วยให้เจ้าของดูแลกระต่ายได้อย่างถูกต้อง!


🔹 โรคตับบิดในกระต่ายคืออะไร?

โรคตับบิด (Liver Lobe Torsion) คือ ภาวะที่ กลีบของตับเกิดการบิดตัว ทำให้เลือดแดงไม่สามารถไปเลี้ยงตับได้ และเลือดดำไม่สามารถไหลออกได้ ส่งผลให้ ตับขาดเลือด บวม และเกิดภาวะเลือดออกในช่องท้อง ซึ่งเป็นอันตรายร้ายแรง


🚨 สาเหตุของโรคตับบิดในกระต่าย

โรคตับบิดยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด แต่มีปัจจัยที่พบได้บ่อย ได้แก่

1. อาการท้องอืดและระบบทางเดินอาหารผิดปกติ

  • กระต่ายกินอาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น อาหารเม็ด ปริมาณมาก ผัก ผลไม้ ขนมหวาน
  • การกินอาหารที่มีใยอาหารต่ำ (ไม่กินหญ้าแห้งเพียงพอ)
  • ความเครียดทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ

2. กระเพาะอาหารขยายมากเกินไป

  • กระต่ายบางตัวกินอาหารเร็วและเยอะในคราวเดียว
  • กินหญ้าหรืออาหารกองใหญ่ๆ จนกระเพาะขยายไปเบียดตับ
  • กระเพาะที่ขยายใหญ่ อาจทำให้เกิดแรงกดต่อเนื้อตับ และนำไปสู่ภาวะตับบิด

📌 พันธุ์ที่พบโรคตับบิดบ่อย: Holland Lop (พบมากที่สุด) และกระต่ายพันธุ์อื่นๆ ที่นิยมเลี้ยง


🔍 วิธีสังเกตอาการโรคตับบิดในกระต่าย

🐰 อาการที่สังเกตได้จากบ้าน

1. สังเกตดวงตา

ปกติ: กลมโต สดใส
ผิดปกติ (ปานกลาง): ตาเริ่มหรี่ลง
รุนแรง: ตาหรี่จนเหมือนเป็นเส้นขีด

2. สังเกตแก้ม

ปกติ: หน้ากลม
ผิดปกติ (ปานกลาง): แก้มเริ่มแหลมขึ้น
รุนแรง: หน้าแหลมจนเห็นชัด

3. สังเกตจมูก

ปกติ: จมูกเป็นรูปตัวยู
ผิดปกติ (ปานกลาง): จมูกเริ่มหุบเข้า
รุนแรง: จมูกเป็นรูปตัววี

4. สังเกตหนวด

ปกติ: หนวดตั้งตรง
ผิดปกติ (ปานกลาง): หนวดบางส่วนหย่อน
รุนแรง: หนวดหงิกและหย่อนลง

5. สังเกตหู

ปกติ: หูตั้งตรง
ผิดปกติ (ปานกลาง): หูเริ่มเอียงไปด้านหลัง
รุนแรง: หูลู่ไปด้านหลัง

📌 อาการอื่นๆ ที่ต้องระวัง:

  • ไม่กินอาหาร แม้กระทั่งขนมหรืออาหารโปรด
  • อึน้อยลง อึขนาดไม่เท่ากัน หรือไม่ถ่ายเลย
  • นั่งหมอบ (กกไข่) ไม่อยากขยับตัว
  • ไม่ยอมให้จับตัวเพราะปวดท้อง

🩺 วิธีวินิจฉัยโรคตับบิดในกระต่าย

🐾 1. การตรวจร่างกาย

  • คลำบริเวณตับเพื่อตรวจหาความแข็งตัวและอาการเจ็บปวด
  • ตรวจฟังเสียงหัวใจ ปอด และลำไส้

🐾 2. การตรวจเลือด

  • ตรวจค่า AST และ ALT ซึ่งสูงกว่าปกติในกระต่ายที่เป็นตับบิด
  • หากเม็ดเลือดต่ำกว่าปกติ 15% อาจต้อง ถ่ายเลือดก่อนหรือระหว่างผ่าตัด

🐾 3. การเอ็กซเรย์ (X-ray)

  • ตรวจดู ตับที่ขยายเกินขอบซี่โครง และระดับแก๊สในช่องท้อง

🐾 4. การอัลตราซาวด์ (Ultrasound)

  • ตรวจขอบของตับและการไหลเวียนเลือดในตับ
  • หากพบว่าไม่มีเลือดไหลเวียนในตับ อาจหมายถึงภาวะตับบิด

🚑 วิธีรักษาโรคตับบิดในกระต่าย

1. ประคองอาการ (Supportive Care)

🐾 ให้ ยาลดปวด เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด
🐾 ให้น้ำเกลือทางเส้นเลือดเพื่อปรับสมดุลร่างกาย

2. การผ่าตัดฉุกเฉิน

🐾 ใช้ ยาสลบแบบดม (ปลอดภัยกว่ายาฉีด)
🐾 มีทีมสัตวแพทย์ เฝ้าระวังระดับออกซิเจน อัตราการเต้นของหัวใจ ตลอดการผ่าตัด
🐾 ตัดเนื้อตับที่บิดออก เพื่อให้เลือดสามารถไหลเวียนได้ปกติ

💡 หากได้รับการรักษาเร็ว โอกาสรอดจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก


📌 การดูแลกระต่ายหลังผ่าตัด

1. Admit ที่โรงพยาบาล 3-7 วัน
2. ตรวจเลือดซ้ำ เพื่อติดตามค่าตับ
3. ป้อนอาหารเสริม (Critical Care, Rabbit Care)
4. ให้ยาลดปวด เพื่อช่วยให้กระต่ายกินอาหารเองได้
5. ติดตามอาการขับถ่ายและความอยากอาหาร


🛑 วิธีป้องกันโรคตับบิดในกระต่าย

🐾 ให้หญ้าแห้งเป็นอาหารหลัก
🐾 เลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง (ผลไม้ ขนม อาหารเม็ดมากเกินไป)
🐾 จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม ลดความเครียด
🐾 ให้กระต่ายกินอาหารในปริมาณพอดี หลีกเลี่ยงการกินเร็วเกินไป
🐾 ตรวจสุขภาพกระต่ายเป็นประจำ


📢 สรุป: ตับบิดในกระต่าย อันตรายถึงชีวิต!

🐰 อาการที่ต้องระวัง: ตาหรี่ หน้าแหลม หูลู่ ไม่กินอาหาร อึน้อยลง
🐰 ต้องรีบพากระต่ายพบสัตวแพทย์ทันที หากสงสัยว่าตับบิด
🐰 รักษาด้วยการประคองอาการและผ่าตัดฉุกเฉิน
🐰 การป้องกันดีที่สุดคือ การควบคุมอาหาร และตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ

📢 แชร์บทความนี้ให้เจ้าของกระต่ายคนอื่นๆ ได้รู้ เพื่อช่วยป้องกันโรคตับบิด! 🐰🚨