Rabbit Ear mite (ไรในหู)

วันนี้จะมาเล่าเรื่องโรคอยู่โ รคหนึ่งที่พบบ่อยมากๆในกระต่ายโรคหนึ่ง นั้นคือ ไร ในหูครับ ซึ่ง ชื่อโรคภาษาไทยเรียกว่า รูในไห .. เอ้ย ไรในหู ครับ ^^ แต่ฝรั่งเค้าเรียก ว่า Ear mite และชื่อที่นักวิทยาศาสตร์ ตั้งให้คือ Psoroptes cuniculi
จริงๆแล้วไรในกระต่ายมีหลากหลายชนิดครับ แต่ไรที่เป็นแล้วทำให้กระต่ายรำคาญมาก จนบางที ไม่กิน ไม่นอน เอาแต่สบัดหัว ไปมา ก็คือ ไรในหู ครับ บางคนยังนึกไม่ออกใช่มั้ยครับว่าเป็นยังไง ดูตามรูปข้างล่างครับ เห็นมั้ยครับ ว่าน่ากลัวขนาดไหน



คำถามที่พบบ่อยคือ แล้วกระต่ายติดมาจากไหน..ก็ติดมาจากกระต่ายนั่นแหละครับ ตอบอย่างนี้ ไม่ใช่กำปั้นทุบดิน แล้วครับ กำปั้นทุบหน้า(หมอ) แน่ๆเลย การติดต่อของไรในหู นี้ติดกันได้หลายวิธีครับ แต่วิธีหลักๆ 2 ข้อคือ

1.โดยการสัมผัสกันโดยตรงของกระต่ายครับ ถ้ากระต่ายตัวที่เป็นโรค เล่นกับตัวที่ไม่เป็นโรค หรือ แม่กระต่ายที่เป็นโรค เลี้ยงลูก ลูกก็มีโอกาสติดสูงมากครับ

2.ติดจากสิ่งแวดล้อม แล้วสิ่งแวดล้อมติดมาจากไหน ก็ติดมาจากกระต่าย แล้วกระต่ายติดมาจากไหน ก็จากสิ่งแวดล้อม มันเป็นเหมือนวงจรอุบาทว์ครับ สิ่งแวดล้อมก็คือถ้ากระต่ายเป็นแล้ว สบัดหู เกาหู ก็จะมีตัวไร หลุดออกมา ที่สิ่งแวดล้อม ถ้าเรารักษาแต้ตัวกระต่ายโดยไม่ทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมก็มีโอกาสติดโรคซ้ำได้ครับ

เคยสงสัยกันมั้ยครับว่าไรในหู ทำไมต้องไปอยู่ไปในหู แล้วกินอะไรเป็นอาหาร กินขี้หูรึ ก็ไม่น่าใช่ จริงๆแล้ว ไรพวกนี้จะกิน น้ำเหลือง เป็นอาหารครับ ไรจะกัดและรอกินน้ำเหลือง หลังจากกิน กระต่ายก็จะมีการคัน อักเสบ มากครับ นอกจากจะอาศัยอยู่กินในหูกระต่ายแล้ว ยังผสมพันธุ์กันในรูหูกระต่ายอีก ... ทำไปได้

สงสัยไรจะนึกว่ารูหูกระต่ายเป็นเรือนหอชั้นดีซะละมั้งครับ นอกจากนี้ตัวไรในหูบางตัว ก็ยังมีการไปฮันนีมูน นอกรูหูอีกนะครับ คือไปที่ ใบหน้า และ ลำตัวก็ได้ ซึ่งเจอได้แต่ไม่บ่อยครับ

การวินิจฉัย เค้าทำกันยังไง คือถ้าเห็นรอยโรคนี่ก็ 80 % ไปแล้วครับ เพราะรอยโรคมันจำเพาะจริงๆ แต่ให้ชัวร์ก็ทำการขูดตรวจ เอาขี้หูและคราบสะเก็ดไปส่องตรวจ ก็จะเจอ ครอบครัวตัวไรหูครับ


การรักษา เราสามารถรักษาได้หลายวิธีครับ มีทั้ง ฉีดยา หรือ หยดยา ครับ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ถ้าฉีดยาก็ ทุกๆ 14 วัน ติดต่อกัน 3 ครั้ง หรือ หยดยาก็เช่นเดียวกันครับ ข้อห้ามก็คือ ห้ามแคะแกะเกา เอาคราบในหูออกเป็นอันขาด เพราะกระต่ายจะเจ็บครับ ปล่อยไว้ สัก สองอาทิตย์เดี๋ยวคราบที่หูก็จะหลุด ออกมาเองครับ

อาการหลักๆที่มักจะพบได้ก่อนที่กระต่ายจะแสดงอาการมากก็คือ
1. สบัดหัว
2. เกาบริเวณหัวหรือหูมากกว่าปกติ
3.ขนร่วงที่บริเวณใบหูหนึ่งหรือสองข้าง
4.เจอคราบแดงๆในรูหู
5.กระต่ายหัวเอียง เดินเซ และ มีอาการชัก

การรักษาให้หายไม่ยากครับ ถ้าวินิจฉัยถูกต้อง และเจ้าของพากระต่ายมาตามนัดครับ โรคนี้บางทีถ้าตัวไรมีปริมาณมากอาจจะทำให้เกิดการอักเสบของหูชั้นในได้ และอาจจะทำให้เกิดโรคอื่นๆตามมาได้ครับ ถ้าพบอาการดังกล่างอย่างข้างต้น ก็อย่านิ่งนอนใจ รีบพามาพบสัตวแพทย์นะครับ

แล้วครั้งหน้าผมจะมานินทาเจ้าตัวไรชนิดอื่นๆให้ฟังใหม่นะครับ

น.สพ.เชาวพันธ์ ยินหาญมิ่งมงคล (หมออ้อย)